จากกรณีปรากฏข่าว ‘ส.ต.อ.ธนวรรฒน์’ ผบ.หมู่สืบสวน สภ.บ้านบึง สอบเลื่อนชั้นเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2567 ประกาศผลออกมาได้คะแนนทั้งหมด 91 คะแนน และผ่านการสอบวัดสมรรถภาพทางด้านร่างกาย เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ แต่ผลออกมา ไม่ผ่านการคัดเลือก ซึ่งทางกรรมการบอกว่า พิการสำหรับการสอบ
ส.ต.อ.ธนวรรฒน์ ไปสอบครั้งแรกเมื่อ พ.ศ 2566 สอบติดคะแนนเป็นตัวจริง สอบวิ่งว่ายน้ำผ่านหมด แต่ประกาศผลออกมาไม่มีรายชื่อในบัญชี โดยให้เหตุผลว่าใส่ขาเทียม พอปี 2567 ก็ไปสอบอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้มีเฉพาะตำรวจ แต่ปีนี้มีการเพิ่มระเบียบคำว่า พิการด้วย สอบข้อเขียนผ่าน วิ่ง ว่ายน้ำ สัมภาษณ์ผ่าน ได้คะแนนเป็นตัวจริงอีก โดย ส.ต.อ. ทุพพลภาพเนื่องจากประสบอุบัติเหตุที่ไม่ได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่นั้น
‘ดร.ณรงค์ ไปวันเสาร์’ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก และประธานฝ่ายกฎหมาย สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว
‘ดร.ณรงค์’ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับ ส.ต.อ.ธนวรรฒน์ ทราบว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการอย่างชัดเจน ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ
สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทยจะให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ผู้เสียหายอย่างเต็มที่ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ และเป็นแบบอย่างให้หน่วยงานต่างๆ ตระหนักถึงสิทธิของคนพิการ
ทั้งนี้ ดร.ณรงค์ ได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
กรณีที่มีแหล่งข่าวอ้างว่า ส.ต.อ.ธนวรรฒน์ รู้ตัวดี ยังไงก็ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ชั้นสัญญาบัตร สายงานพนักงานสอบสวนนั้น ส.ต.อ.ธนวรรฒน์ ได้ตอบโต้ว่า ในตอนประกาศรับสมัคร ตนได้อ่านประกาศรับสมัครดีแล้วว่าจะต้องไม่เป็นบุคคลหรือผู้พิการที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่
เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ก็ดูจากจากตนที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ปกติ แล้วมันจะเป็นอุปสรรคอย่างไร ถ้าจะต้องการพิจารณาก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป จะต้องดูว่าเป็นอุปสรรคไหม แต่นี่อะไรยังไงก็ไม่มีบอก หากตนรู้ว่าไม่ผ่านหลักเกณฑ์ก็คงไม่สมัคร
หลังจากนี้ จะทำเรื่องดำเนินการอุทธรณ์ และติดตามผลว่าเป็นเช่นไร หากผลยังเป็นเหมือนเดิมก็คงจะต้องดำเนินการฟ้องศาลอุทธรณ์
