“ถุงพลาสติก” เป็นบรรจุภัณฑ์ที่นิยมให้อย่างแพร่หลายในประเทศไทยและทั่วโลก ที่มีอายุการใช้งานสั้น แต่อายุการย่อยสลายยาวนานถึง 450 ปี ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมากนักและผลิตได้ครั้งละมากๆ ทำให้เกิดการใช้จนไม่เสียดาย เพราะใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ปัจจุบันมนุษย์บริโภคทรัพยากรที่เน้นความสะดวกสบาย ส่งผลให้ขยะจากถุงพลาสติกเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในทุกปี โดยไทยมีปริมาณขยะพลาสติกและโฟมมากถึง 2.7 ล้านตัน หรือ เฉลี่ย 7,000 ตันต่อวัน แบ่งเป็นถุงพลาสติกร้อยละ 80 หรือ 5,300 ตันต่อวัน ส่วนที่เหลือเป็นขยะโฟมประมาณ 700,000 ตัน และพบว่า ขยะพลาสติกร้อยละ 50 กำจัดไม่ถูกวิธี ที่สำคัญขยะพลาสติกและโฟมหากใช้วิธีฝังกลบจะใช้พื้นที่มากกว่าขยะปกติถึง 3 เท่า และมีสารตกค้างในสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก เนื่องจากถุงพลาสติกทำจากเม็ดปิโตรเลียม ทำให้มีการปนเปื้อนของสารตกค้างในดินและน้ำ ส่งผลก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก สาเหตุของภาวะโลกร้อน
สำหรับข้อดีของ “ถุงผ้า” ซักทำความสะอาดง่ายไม่ก่อให้เกิดการกดทับเท่าถุงพลาสติก ใช้ง่ายขาดยาก ย่อยสลายได้ไม่ตกค้างเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ทนทานและใช้ซ้ำได้ ช่วยลดปริมาณขยะมูลฝอยและก๊าซเรือนกระจก ช่วยลดการปนเปื้อนของสารประกอบไดออกซินที่เป็นสารก่อมะเร็ง พกพาง่ายด้วย
ภาพบรรยากาศการสร้างแบบและตัดเย็บถุงผ้าหรือกระเป๋าผ้าของคนพิการและผู้ดูแลคนพิการที่เข้าร่วมในโครงการฝึกงานมาตรา 35 หลักสูตรช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ระดับต้น 600 ชั่วโมง 6 เดือน ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทปิโตรเลียมไทย คอร์ปอเรชั่น จำกัด พีที ร่วมกับ สมาคมคนพิการภาคตะวันออก และ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย จังหวัดสุรินทร์ ณ ศาลาประชาคมหมู่ 16 ตำบลนาบัง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์